ผลการศึกษาชี้ชัด! การปั่นแยกเลือด Coagulation Test ที่ 4,000 RPM ใน 5 นาที: มาตรฐานใหม่ที่ห้องแล็บต้องการ

งานวิจัยล่าสุดด้านการทดสอบการแข็งตัวของเลือด (Coagulation Test) ได้สำรวจแนวทางการปั่นแยกตัวอย่างเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการวินิจฉัย โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของผลการทดสอบ

ผลการเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่าง "วิธีการปั่นแบบเร่งด่วน" ที่ใช้เครื่องปั่นเหวี่ยง (Centrifuge) ที่ความเร็ว 4,000 รอบต่อนาที (RPM) เป็นเวลา 5 นาที กับวิธีมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไป มีข้อสรุปที่น่าสนใจดังนี้:

 

ผลการศึกษา: ความรวดเร็วที่มาพร้อมความแม่นยำ

 

  • ลดเวลาการประมวลผล: การปั่นที่ความเร็ว 4,000 RPM ภายใน 5 นาที สามารถลดเวลาที่ใช้ในการเตรียมตัวอย่างพลาสมาได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งช่วยให้ห้องปฏิบัติการสามารถเข้าสู่กระบวนการทดสอบการแข็งตัวของเลือดได้เร็วขึ้น กว่า 50%

  • ความสมบูรณ์ของพลาสมา: แม้จะใช้ความเร็วรอบที่สูงขึ้นในช่วงเวลาที่สั้นลง แต่พลาสมาที่ได้มีคุณภาพที่เหมาะสมสำหรับงาน Coagulation Test

  • ค่าผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้: สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ผลการทดสอบการแข็งตัวของเลือดที่ได้จากวิธีการปั่นแบบเร่งด่วนนี้ ไม่พบความแตกต่างทางสถิติที่มีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้จากวิธีการปั่นมาตรฐาน ซึ่งหมายความว่า ห้องปฏิบัติการสามารถเลือกใช้เครื่อง Centrifuge ที่มีคุณสมบัติรองรับการปั่นแบบ 4,000 RPM / 5 นาที เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการให้บริการผู้ป่วยได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความถูกต้อง

ข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์: การนำเครื่องปั่นเหวี่ยงที่สามารถทำงานที่ 4,000 RPM มาใช้ในงาน Coagulation Test จึงไม่ใช่แค่การอัปเกรดเครื่องมือ แต่คือการยกระดับมาตรฐานการบริการที่รวดเร็วและน่าเชื่อถือของห้องปฏิบัติการ